ไข่พะโล้หมูสามชั้น
ไข่พะโล้หมูสามชั้น (Hard Boiled Eggs and Streaky Pork in the Sweet Gravy)
ไข่พะโล้หมูสามชั้น (Hard Boiled Eggs and Streaky Pork in the Sweet Gravy)
เครื่องปรุงและส่วนผสม
☑ ไข่เป็ดต้ม 6 ฟอง
☑ ผงพะโล้ 2 ช้อนโต๊ะ (ใส่ตอนผัดและตุ๋น ครั้งละ 1 ช้อน โต๊ะ)
☑ เครื่องพะโล้ (อบเชย, กานพลู, โป๊ยกั๊ก)
☑ รากผักชี กระเทียม พริกไทย
☑ ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
☑ น้ำตาลปี๊ป 2 ช้อนโต๊ะ
☑ ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
☑ น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
☑ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
☑ น้ำเปล่าสำหรับตุ๋น 1 ลิตร
☑ เกลือป่น 2 ช้อนชา (ไว้ใส่ตอนต้มไข่)
☑ หมูสามชั้น 200 กรัม
วิธีทำ
✅ ตั้งน้ำบนเตา แล้วใส่เกลือลงไป จากนั้นก็นำไข่เป็ด ทั้ง 6 ฟองใส่ลงไปในหม้อ ต้มประมาณ 13-15 นาที แล้วตักใข่ขึ้นมา แล้วปอกเปลือกออกใส่จานเตรียมไว้
✅ ตั้งกระทะ แล้วคั่วอบเชย กานพลู โป๊ยกั๊ก ที่เตรียมไว้ คั่วให้พอมีกลิ่นหอมๆขึ้นมา (อย่าให้ไหม้นะครับ)
✅ ทำสามเกลอโดยโขรก รากผักชี พริกไทย กระเทียม เตรียมไว้ทั้งหมดให้แหลก
✅ ตั้งน้ำมันให้พอร้อน แล้วนำสามเกลอลงไปผัดให้หอม ใส่ผงพะโล้แล้วผัดอีกสักแปปนึง จากนั้นก็ใส่หมูสามชั้นที่หั่นเป็นชิ้นลงไป
✅ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊ป ซอสปรุงรส น้ำมันหอย ซีอิ้วดำ ผัดสักครู่จน หมูเริ่มสุกจึงใส่ไข่เป็ดทั้งหมดที่ปอกเปลือกเตรียมไว้ลงไป แล้วก็ผัดให้เริ่มงวดนิดหน่อย
✅ เทส่วนผสมที่ผัดลงในหม้อเติมน้ำเปล่า ใส่อบเชย โป๊ยกั๊ก กานพลู ที่คั่วไว้ลงไป และผงพะโล้ ตุ๋นไว้โดยประมาณ 1 ชม.
✅ ดูให้หมูเปื่อยและน้ำพะโล้ซึมเข้าหมูและไข่ ตุ๋นจนน้ำงวดลง จากเดิมประมาณเกือบครึ่งหนึ่ง (กะว่าให้น้ำงวดลงไปสัก 40 %) ปิดไฟตักใส่ชามโรยหน้าด้วย ผักชี จากนั้นก็ตักใส่ชามเสริฟได้เลยครับ และถ้าหากทานไม่หมดก็สามารถอุ่นทานได้เรื่อยๆครับ ถ้าน้ำงวดลงไปมาก ก็อาจจะเติมน้ำสักหน่อยแล้วก็ปรุงรสอีกสักหน่อย หรือบางท่านอาจจะใส่ไข่ต้มเพิ่มลงไปก็ได้นะครับ แต่รสชาติอาจจะไม่เข้มข้นเหมือนตอนแรกเท่าไหร่
สำหรับบางท่านที่อยากเต้าหู้ด้วยก็สามารถ ใส่เต้าหู้เพิ่มเข้าไป หรือจะปรับจากเนื้อหมูสามชั้นเป็น เนื้อไก่ก็ได้ครับ ลองทำทานกันดูนะครับ
……………………………………………………………………
‘ผงพะโล้’ มากคุณค่าเป็นยาสมุนไพรดีต่อสุขภาพ
ผงพะโล้ที่เรานำมาประกอบอาหารนั้นมีส่วนประกอบของเครื่องเทศหลายชนิด เช่น อบเชย โป๊ยกั๊ก ลูกผักชี ลูกกระวาน ข่า พริกหอม เมล็ดผักชีล้อม เปลือกส้มแห้ง ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณต่าง ๆ มากมายที่ดีต่อสุขภาพที่ใครหลายคนอาจยังไม่ทราบ วันนี้เคล็ดลับสุขภาพดีขอนำเสนอสรรพคุณของแต่ละสมุนไพรให้คุณผู้อ่านได้ทราบกัน
โดย พจ.โสรัจ นิโรธสมาบัติ อาจารย์คณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ให้ความรู้ว่า อบเชย เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ตัวยาจะเข้าไปยังม้าม ไต หัวใจ และตับ สามารถบำรุงธาตุไฟ เสริมพลังหยาง ขจัดความเย็น แก้ปวด อุ่นเส้นลมปราณ ทำให้เลือดไหลเวียนคล่อง เหมาะสำหรับรักษาอาการที่มีสาเหตุมาจากไตหยางพร่อง เช่น มดลูกเย็น สมรรถภาพทางเพศเสื่อม อาการหอบชนิดพร่องใจสั่น และยังสามารถช่วยรักษาอาการปวดท้องเนื่องจากกระเพาะอาหารเย็น อาการเจ็บหน้าอก อาการปวดประจำเดือนได้อีกด้วย
โป๊ยกั๊กและเมล็ดผักชีล้อม ทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่น สามารถขจัดความเย็น แก้ปวด ปรับการไหลเวียนของพลังลมปราณ (ชี่) ปรับสมดุลทางเดินอาหาร มักใช้รักษาอาการปวดท้องน้อย ปวดประจำเดือน ท้องอืดแน่น เนื่องจากความเย็นและการไหลเวียนของชี่ติดขัด ลูกกระวาน เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่นเช่นกัน ตัวยาจะเข้าไปยังอวัยวะปอด ม้ามและกระเพาะอาหาร สามารถขจัดความชื้น กระตุ้นการไหลเวียนของพลังลมปราณ (ชี่) ทำให้มีความอุ่นในระบบทางเดินอาหาร แก้อาเจียน มักใช้รักษาอาการปวดแน่นท้อง เบื่ออาหาร เนื่องจากมีความชื้นติดขัดสะสมอยู่ในบริเวณท้อง
ลูกผักชี เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นกลาง สามารถรักษาอาการไข้หวัด ช่วยกระทุ้งและขับหัด ช่วยให้เจริญอาหาร ข่า เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ตัวยาจะเข้าไปยังอวัยวะม้ามและกระเพาะอาหาร สามารถขจัดความเย็น แก้ปวด อุ่นกระเพาะอาหาร แก้อาเจียน มักใช้รักษาอาการปวดท้องจากกระเพาะอาหารหรืออาเจียนเนื่องจากกระเพาะเย็น พริกหอม หรือพริกเสฉวน เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ตัวยาจะเข้าไปยังอวัยวะม้าม กระเพาะอาหารและไต สามารถทำให้อุ่นระบบทางเดินอาหาร แก้อาการปวดท้อง ฆ่าพยาธิและปรสิต แก้อาการคัน มักใช้รักษาอาการปวดท้องเนื่องจากมีพยาธิและอาการคันบริเวณอวัยวะเพศจากการติดเชื้อ
เปลือกส้มแห้ง เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่น ตัวยาจะเข้าไปยังอวัยวะม้ามและปอด สามารถปรับการไหลเวียนของพลังลมปราณ (ชี่) ให้เป็นปกติ เสริมม้ามให้แข็งแรง ขจัดความชื้นและเสมหะ มักใช้รักษาอาการปวดแน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เนื่องจากชี่ติดขัดบริเวณม้ามและกระเพาะอาหาร ใช้รักษาอาการไอ มีเสมหะใสและมีปริมาณมาก โดยจะเห็นได้ว่าสรรพคุณของสมุนไพรทั้งหมดนี้ส่วนมากมีฤทธิ์ร้อน เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องท้องอืด อาหารไม่ย่อย ปวดท้องเนื่องจากกระเพาะอาหารเย็น
ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของผงพะโล้ จึงถือว่าเป็นการรับประทานยาเพื่อรักษาโรคควบคู่ไปด้วย ใครที่ยังไม่เคยลองลิ้มรสอาหารที่มีส่วนผสมของพะโล้หรือมักมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย และปวดท้องก็ลองรับประทานกันดูนะคะ เช่น เมนูไข่พะโล้ เป็ดพะโล้ หมูพะโล้ ถือว่าเป็นวิธีการรักษาสุขภาพแบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะเลยค่ะ
ขอบคุณบทความ ‘ผงพะโล้’ มากคุณค่าเป็นยาสมุนไพรดีต่อสุขภาพ
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์